กฎเหล็ก 5 ข้อ ของการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน โดย ABS
- อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)

- 7 ม.ค. 2565
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 19 ก.ย.

สำหรับการ คำนวณผลประโยชน์พนักงาน ตาม มาตรฐานการบัญชีไทย ฉบับที่ 19 นั้นมีรายละเอียดค่อนข้างมาก และซับซ้อนพอสมควร ดังนั้นเราจึงจะมาสรุปกฎเหล็ก 5 ข้อที่ต้องจำให้ขึ้นใจเกี่ยวกับมาตรฐานฉบับนี้กัน
ค่าจ้าง ไม่เท่ากับ เงินเดือน
เคยมีข้อถกเถียงกันว่า คำว่า "ค่าจ้างในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน" หมายถึงอะไร ถ้าบริษัทมีเงินค่าตำแหน่ง หรือค่าวิชาชีพให้กับพนักงาน ทางบริษัทจะต้องเอาเงินส่วนนี้มาคำนวณผลประโยชน์พนักงานในส่วนของเงินชดเชยให้พนักงานเมื่อเกษียณอายุหรือไม่
ซึ่งข้อสงสัยนี้ เคยมีกรณีฟ้องร้องกันมาแล้ว ซึ่งอ้างอิงจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5024/2548 ได้ตัดสินว่าบริษัทจะต้องนำเงินประจำตำแหน่ง ค่ารถ และค่ารับรองอื่น ๆ ที่จ่ายเท่ากันทุกเดือน มาคำนวณเงินค่าชดเชยที่จะต้องจ่ายให้กับพนักงานด้วยเจตนาของเรื่องนี้ เกิดจากว่าหากคำนวณผลประโยชน์พนักงานในส่วนของเงินชดเชยจากเงินเดือนเท่านั้น อาจจะเกิดช่องโหว่ให้นายจ้างเอาเปรียบลูกจ้างเช่น จะให้เงินเดือนพนักงาน 100,000 บาท แต่แยกย่อยเป็นเงินเดือน 20,000 บาท และค่าจ้างอื่น ๆ เช่น ค่าครองชีพ (Fixed Allowance) อีก 80,000 บาท ทำให้เมื่อเกษียณอายุพนักงาน จะได้รับเงินชดเชยจากฐานเงินเดือนเพียง 20,000 บาท และค่าจ้างอื่น ๆ เช่น ค่าครองชีพ (Fixed Allowance) อีก 80,000 บาท ทำให้เมื่อเกษียณอายุพนักงาน จะได้รับเงินชดเชยจากฐานเงินเดือนเพียง 20,000 บาท ดังนั้นการกรอกข้อมูลพนักงานสำหรับการคำนวณผลประโยชน์พนักงานตามมาตรฐาน TAS19 จึงจำเป็นต้องใส่ค่าครองชีพหรือสวัสดิการอื่นๆที่ถือเป็นค่าจ้างเข้าด้วย

เกษียณอายุ เท่ากับเลิกจ้าง
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 6 ที่ประกาศใช้เมื่อปลายปี 2018 ได้ประกาศชัดเจนว่าการเกษียณอายุก็ถือเป็นการเลิกจ้าง และจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานตามมาตรา 118 ด้วย สำหรับนายจ้าง ตอนนี้ต้องเตรียมตัวคำนวณผลประโยชน์พนักงานเหล่านี้ ให้ตั้งเงินสำรองรับรู้เป็นภาระหนี้สินของบริษัท
นอกจากนี้ยังมีการประกาศอีกว่า หากบริษัทไม่ได้กำหนดอายุการเกษียณ หรือกำหนดไว้เกินกว่า 60 ปี พนักงานจะสามารถขอเกษียณอายุได้เมื่ออายุครบ 60 ปี และจะมีผลใน 30 วัน เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดจากบริษัทไม่ได้กำหนดอายุเกษียณ หรือกำหนดไว้สูง ๆ เช่น 80 ปี หรือ 90 ปี ทำให้พนักงานจะไม่มีวันได้เกษียณอายุ แต่จะทำงานต่อไปเรื่อย ๆ จนทำไม่ไหว และลาออกไปเอง
ภาระผูกพันจากการอนุมาน
คำว่าอนุมานในที่นี้ หมายความว่าพนักงานอนุมานว่าจะได้รับ บริษัทควรจะต้องคำนวณผลประโยชน์พนักงานตามมาตรฐานบัญชี TAS19 ด้วย ยกตัวอย่างเช่น พนักงานสัญญาจ้างชั่วคราวแบบปีต่อปี ที่จ้างมาทำงานเหมือนพนักงานประจำ นั่งทำงานข้างกันมาตลอด หากถึงวันที่อายุ 60 ปี ก็ควรจะจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานทั้ง 2 คน ไม่ใช่แค่เฉพาะพนักงานประจำเท่านั้น หรือเคยเจอจากเหตุการณ์จริงว่า ปกติบริษัทจะมีงบสำหรับจัดงานเลี้ยงประจำปี แต่มีปีหนึ่ง ไม่ได้จัดงาน จึงนำงบส่วนนี้มาซื้อทองแจกให้พนักงานที่อายุงานครบ 10 ปี และประกาศให้เป็นที่รับทราบกันทั้งบริษัท แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสัญญาจ้าง หรือคู่มือพนักงาน แต่พนักงานก็รับทราบแล้ว ดังนั้นบริษัทจะต้องคำนวณผลประโยชน์พนักงานในส่วนนี้ด้วย เพราะถือเป็นภาระผูกพันจากการอนุมาน
การประมาณการไปข้างหน้า
ในการคำนวณตามมาตรฐานรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (TFRS for NPAEs) ที่เมื่อคำนวณ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2027 ก็จะได้ภาระผูกพันของสิ้นปี 2027 แล้วนำไปหาส่วนต่างกับภาระผูกพันของสิ้นปี 2026 ได้เป็นค่าใช้จ่ายของปี 2027 แต่การคำนวณผลประโยชน์พนักงานตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยตามมาตรฐาน TAS19 หากไม่ได้เป็นการคำนวณเพื่อปรับปรุงงบย้อนหลัง (Restatement) จะได้ผลลัพธ์คือภาระผูกพัน ณ สิ้นปีที่คำนวณ และค่าใช้จ่ายในอนาคต แต่จะไม่มีตัวเลขค่าใช้จ่ายในปีนั้น
เช่น คำนวณผลประโยชน์พนักงาน ณ สิ้นปีงบประมาณ 2027 ก็จะได้ภาระผูกพัน ณ สิ้นปีงบประมาณ 2027 และค่าใช้จ่ายของปี 2028 เป็นต้นไป แต่จะไม่มีค่าใช้จ่ายของปี 2027 ซึ่งค่าใช้จ่ายของปี 2027 นี้จะต้องใช้จากการคำนวณของครั้งก่อนหน้า ซึ่งบ่อยครั้ง ที่หลายบริษัทคิดว่าจะสามารถทำเหมือนการคำนวณแบบ NPAEs ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ว่า การคำนวณจากครั้งก่อนหน้ามีตัวเลขถึงสิ้นปี 2026 เลยคิดว่าจะมาคำนวณใหม่ ณ สิ้นปี 2027 ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมาคือ
ไม่มีค่าใช้จ่ายของปี 2027 เพราะรายงานเล่มเก่าประมาณการมาไม่ถึง และรายงานเล่มใหม่ เป็นการคำนวณไปข้างหน้าเท่านั้น
หากคำนวณแบบปรับปรุงงบย้อนหลัง ก็จะทำให้ตัวเลขที่ย้อนหลังไปถึงสิ้นปี 2026 ไม่ตรงกับที่คำนวณ ครั้งที่แล้ว เพราะคนละฐานข้อมูล คนละสมมติฐาน
จะคำนวณส่วนต่างของภาระผูกพัน ณ สิ้นปี 2026 จากรายงานเล่มเก่า และภาระผูกพัน ณ สิ้นปี 2027 แล้วบันทึก
เป็นค่าใช้จ่ายแบบ TFRS for NPAEs ก็ไม่ได้ เพราะหากบันทึกบัญชีตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 19 จะต้องแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น ต้นทุนบริการ และดอกเบี้ยสุทธิ รวมถึงเมื่อคำนวณใหม่ก็จะต้องมีผลกำไรขาดทุนจากการประมาณการตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย (Actuarial Gains and Losses)
ดังนั้นจึงเป็นกฎเหล็กที่สำคัญว่า ถ้าไม่ต้องการคำนวณผลประโยชน์พนักงานแบบปรับปรุงงบย้อนหลัง หากรายงานผลการประมาณการตามมาตรฐาน TAS19เล่มเก่าประมาณการล่วงหน้ามาถึงปีใด ก็จะต้องคำนวณใหม่ภายในปีนั้น เช่น หากเคยคำนวณเมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2024 และประมาณการมาจนถึงปี 2027 ก็จะต้องคำนวณใหม่ภายในปี 2027 จะเว้นไปคำนวณ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2028 ไม่ได้

การคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการคำนวณผลประโยชน์พนักงานตามมาตรฐานบัญชี TAS19
สำหรับคุณวุฒินักคณิตศาสตร์ประกันภัย จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
ระดับสามัญ คือ ผู้ที่สอบผ่านวิชาพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ประกันภัย 5 หลักสูตร ที่เทียบเท่ากับความรู้ในระดับปริญญาตรี เช่น คณิตศาสตร์การเงิน สถิติความน่าจะเป็น ทฤษฎีและการพัฒนาแบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์การเงินต่าง ๆ
ระดับแอสโซซิเอท คือ นักคณิตศาสตร์ประกันภัยในระดับสามัญ ที่มีประสบการณ์ และมีการสอบวัดความรู้ที่นำมาประยุกต์ได้จริง สอบผ่านทั้งหมด 8 หลักสูตร
ระดับเฟลโล่ คือ ผู้ที่สอบผ่านครบทั้งหมด 13 หลักสูตร และมีคุณวุฒิในการประกอบวิชาชีพนี้โดยสมบูรณ์แล้ว ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางด้านสายนั้น ๆ
นักคณิตศาสตร์ประกันภัยระดับเฟลโล่ คือ นักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่สอบผ่านวิชาที่จำเป็นครบถ้วนหมดแล้ว เปรียบได้กับ ใบประกอบโรคศิลป์ของหมอ หรือ วุฒิ CPA ของผู้สอบบัญชี โดยในต่างประเทศ มีข้อกำหนดว่าผู้ที่จะคำนวณและเซ็นรับรองได้จะต้องเป็น Qualified Actuary หรือก็คือนักคณิตศาสตร์ประกันภัยระดับเฟลโล่
ส่วนในประเทศไทยจะไม่ได้มีข้อกำหนดที่ชัดเจน เพียงแต่ใช้คำว่า ผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ซึ่งเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ก็ควรจะเลือกนักคณิตศาสตร์ประกันภัยระดับเฟลโล่ และก็บอกเกี่ยวกับเรื่องว่า ผลประโยชน์พนักงานระยะยาว ก็เหมือนกับ สัญญาระยะยาวของธุรกิจประกันภัย นั่นก็คือ ธุรกิจประกันชีวิต ดังนั้น ในอเมริกา คนที่จะเป็นเฟลโล่ ก็มีหลายแขนง แต่แขนงที่เป็นเฟลโล่ประกันชีวิต จะคำนวณผลประโยชน์พนักงานระยะยาวได้
หากทางบริษัทต้องการความมั่นใจในขั้นตอนการคำนวณและผลการคำนวณที่ได้รับ สามารถเลือก ABS เพื่อใช้บริการคำนวณผลประโยชน์พนักงานตามมาตฐานบัญชีฉบับที่ 19 (TAS19) ได้ โดยอาจารย์ทอมมี่เป็นหนึ่งในนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่มีระดับเฟลโล่คนแรก ๆ ของเมืองไทย ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยมาอย่างยาวนานถึง 25 ปี และดูแลด้านผลประโยชน์พนักงานมากกว่า 2,000 บริษัท
เขียนและเรียบเรียงโดย อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)
FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Hons), B.Eng (Hons)
อดีตนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย และอาจารย์บรรยายด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้วยหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย ตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 19
ขอสงวนสิทธิ์ของเนื้อหาในบทความ ไม่ให้นำไปใช้แสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ ในเชิงพาณิชย์ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากทางบริษัท ABS เท่านั้น


ความคิดเห็น